Exclusive Space: พื้นที่ที่ให้มากกว่าฟังก์ชั่นผ่านแนวคิด Universal Design
โครงการ Nirvana เข้าใจดีว่าแต่บุคคลล้วนมีความต้องการแตกต่างกันไป ตามเจนเนอเรชั่น ตามความชอบ ตามบทบาทหน้าที่ รวมไปถึงตามข้อจำกัดของร่างกาย เราจึงนำหลักการที่เรียกว่า Universal Design มาใช้ หรือการออกแบบพื้นที่เพื่อส่วนรวม โดยให้ทุกคนใช้งาน เข้าถึง และรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน ซึ่งนับเป็นการสร้างสรรค์บ้านยุคใหม่ที่มุ่งเน้นความพึงพอใจ ความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัยผ่านการจัดสรรฟังก์ชั่นให้พอดีกับรูปแบบชีวิตของทุกคน
Universal Design การออกแบบเพื่อส่วนรวม
แรกเริ่มเดิมที Universal Design เป็นแนวคิดการออกแบบที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มีความบกพร่องทางร่างกายได้ใช้ชีวิตทัดเทียมคนทั่วไป ในลักษณะการออกแบบที่ปราศจากสิ่งกีดขวาง (The Barrier-Free Design) หรือการออกแบบที่สามารถเข้าถึงได้ (Accessibility Design) ต่อมาแนวคิดดังกล่าวได้ขยายขอบเขตครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สถานที่ เทคโนโลยี ตลอดจนสิ่งของต่างๆ และยังได้รับการส่งเสริมจากองค์การสหประชาชาติให้ Universal Design เป็นการออกแบบสากลที่มุ่งตอบสนองการใช้งานของคน “ทุกกลุ่ม” ในสังคม ไม่จำกัดแค่บุคคลทุพพลภาพหรือผู้สูงอายุอีกต่อไป แต่คือคนทุกเพศทุกวัยต้องได้รับประโยชน์จากงานดีไซน์นั้นๆ อย่างเต็มที่เท่าเทียมกัน
โดยมีหลักสำคัญ 7 ประการ ได้แก่ 1.) ออกแบบให้ทุกคนใช้งานได้อย่างเท่าเทียม ไม่แบ่งแยก 2.) มีความยืดหยุ่น รองรับการใช้สอยจากผู้ใช้งานที่หลากหลาย 3.) ใช้ง่าย แม้ไม่มีประสบการณ์ก็สามารถทำได้ 4.) ให้ข้อมูลที่เข้าใจง่าย ไม่ต้องอาศัยการรับรู้ทางร่างกายที่มากเกินไป 5.) ช่วยป้องกันอันตรายหรือลดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์จากการใช้งาน 6.) ใช้งานง่ายด้วยท่าทางปกติ ไม่ต้องออกแรงมาก หรือต้องใช้ความพยายามหลายครั้ง 7.) ขนาดและพื้นที่ใช้งานที่เหมาะสมกับการเข้าถึงและใช้สอยโดยปราศจากเงื่อนไขข้อจำกัดทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหว
สร้างความรู้สึก Exclusive จาก Universal Design
นอกจากพื้นที่สาธารณะในสังคมแล้ว บทบาทของ Universal Design ยังมีส่วนสำคัญต่อการออกแบบบ้านยุคใหม่ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหลากหลายเช่นกัน และแม้จะมีสมาชิกในครอบครัวเพียงไม่กี่คนก็ตาม แต่ทุกคนล้วนมีแง่มุมชีวิตแตกต่าง มีความต้องการที่เฉพาะตัว โดยเฉพาะโครงการบ้าน Nirvana ที่มุ่งออกแบบเพื่อสร้างประสบการณ์อยู่อาศัยที่ลงตัว เราได้นำแนวคิด Universal Design มาเป็นเครื่องมือทางสถาปัตยกรรมในการดีไซน์ทุกพื้นที่ของบ้านให้เป็น Exclusive Space ที่มีความพิเศษในการรองรับความต้องการที่แท้จริงท่ามกลางความสะดวกสบาย ปลอดภัย และสร้างความพึงพอใจให้กับสมาชิกทุกคน
เราเตรียมตั้งแต่การเลือกวัสดุ สี พื้นผิว และขนาดขององค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่เหมาะสมเพื่อให้อยู่สบายที่สุด และยังคำนึงร่วมกับ User Experience ที่ต้องพอดีกับคนแต่ละช่วงวัย เพราะเราเชื่อว่าเมื่อสมาชิกมีประสบการณ์ที่ดีแล้ว ความสุขและความกลมเกลียวย่อมส่งต่อถึงกันได้ ยกตัวอย่างการออกแบบห้องนอนผู้สูงอายุที่อยู่ชั้นล่าง มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่ใช่แค่ฟังก์ชั่นทั่วไป แต่เป็นความใส่ใจรายละเอียดเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีกว่า เช่น ไม่มีธรณีประตูที่อาจเดินสะดุดได้ง่ายสำหรับผู้ใหญ่ ใช้ประตูหน้าต่างบานเลื่อนคุณภาพสูงที่ง่ายต่อการเปิด และมีขนาดกว้างเพียงพอสำหรับวีลแชร์ ช่องแสงเปิดกว้างเพื่อการมองเห็นที่ชัดเจน การกำหนดตำแหน่งห้องนอนให้มองเห็นสวนสวยช่วยเปลี่ยนวันธรรมดาให้มีชีวิตชีวา แม้ในวันที่กายไม่สบายแต่ใจยังคงปลอดโปร่งได้ และอยู่ใกล้กับห้องรับประทานอาหารซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมหลักของผู้สูงอายุ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการจัดวางอุปกรณ์หรือ Fitting ต่างๆ ในระดับที่ทุกคนเข้าถึงง่าย ใช้ได้อย่างสบายไม่ว่าสรีระแบบไหนซึ่งตรงกับหลักการ Universal Design เช่น กำหนดความกว้างและความสูงของขั้นบันไดให้วางเท้าได้สบาย ก้าวขึ้นลงไม่เมื่อย สร้างเพดาน Double Volume ใน Public Area เพื่อลดความอึดอัดแม้ต้องใช้พื้นที่พร้อมกันหลายๆ คน ใช้ Fitting รางเลื่อนประตูแบบเสมอพื้นทำให้การสัญจรด้วยเท้าหรือรถเข็นเกิดความราบรื่นตลอดทาง เหล่านี้เป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดความเสมอภาคในการอยู่อาศัย และทำให้ทุกที่ของบ้านคือ Exclusive Space ที่ออกแบบมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ
พบการปฏิวัติทางสถาปัตยกรรมผ่านหลัก Universal Design ที่มีผู้อยู่อาศัยเป็นหัวใจสำคัญ สู่การสร้างสรรค์ Exclusive Space ที่สวยงาม น่าอยู่ น่าใช้ในทุกฟังก์ชั่น เพิ่มเติมด้วยความปลอดภัยที่ส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตและความสุขที่แท้จริงเกิดขึ้นกับทุกคน
#NirvanaLivingRevolution #RevolutionOfModernDesign #ExclusivelyHarminiousSpace#Design #NaturalModern #DetailsMakeMagic #NirvanaHome#NirvanaDaii