7 เทคนิคการเลือกหลอดไฟ LED ในบ้าน ให้เหมาะกับการใช้งาน

ช่องทางอื่น ๆ

30/05/2018

7 เทคนิคการเลือกหลอดไฟในบ้านให้คุ้มค่า เหมาะกับการใช้งาน

เทคนิคการเลือกหลอดไฟ LED ในบ้าน ให้เหมาะกับห้องแต่ละแบบ

สำหรับองค์ประกอบพื้นฐานของบ้าน “แสงสว่าง” นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตที่ทุกบ้านไม่สามารถขาดไปได้ บ้านเนอวานาทุกโครงการจึงออกแบบให้แสงสว่างจากธรรมชาติส่องถึงทุกมุม แต่เพื่อให้การทำกิจกรรมราบรื่นตลอดวัน การนำแสงประดิษฐ์หรือหลอดไฟมาใช้เพื่อชดเชยแสง หรือเพิ่มความเข้มข้นของแสงเฉพาะจุดก็มีความจำเป็นไม่แพ้กัน ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเกี่ยวกับแสง  และการเลือกหลอดไฟในบ้านให้เหมาะกับห้องต่าง ๆ เพื่อให้การอยู่อาศัยสะดวกสบาย และคุ้มค่าสูงสุด

 

1. การเลือกหลอดไฟในบ้านจากโทนสีของแสง 

 

หลอดไฟ led ในบ้านควรใช้กี่วัตต์ และการเลือกโทนสีของแสง

 

            หากเราสังเกตให้ดีจะพบว่าแสงที่สว่างออกมาจากหลอดไฟในบ้านแต่ละดวงนั้นมีโทนสีที่แตกต่างกัน เพราะสีของหลอดไฟแต่ละโทนให้ความรู้สึกทางอารมณ์ และสร้างบรรยากาศให้ห้องนั้นๆ แตกต่างกันไปตามความต้องการของแต่ละห้อง อีกทั้งยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในการมองเห็น ดังนั้นการเลือกโทนสีของหลอดไฟในบ้านให้เหมาะสมกับห้องต่าง ๆ นอกจากจะอำนวยความสะดวกให้กิจกรรมของเรา เช่น การอ่านหนังสือ การพักผ่อน ยังส่งผลดีต่อสุขภาพ และทัศนียภาพรอบตัวบ้านอีกด้วย ซึ่งโทนสีของหลอดไฟ โดยหลักแล้วมีให้เลือก 3 ประเภท

 

  • หลอดไฟ Warm White 

            การเลือกหลอดไฟในบ้านประเภท Warm White ที่มีอุณหภูมิสีประมาณ 2,500 - 3,300 เคลวิน ให้แสงในโทนส้ม ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น ผ่อนคลาย เป็นกันเอง โดยการเลือกหลอดไฟชนิดนี้เหมาะนำไปใช้ในห้องนอน ห้องรับแขก ห้องน้ำ เพราะจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับห้อง ข้อควรระวังคือ การเลือกหลอดไฟที่ให้แสง Warm White จะทำให้สีที่สะท้อนกลับมาผิดไปไม่ตรงตามความจริงได้ เช่น เห็นเสื้อสีขาวเป็นสีนวล หรือทำให้การแต่งหน้ามีสีที่ผิดเพื้ยนไปได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการนำไปติดตั้งในบริเวณสำหรับกิจกรรมที่ต้องการเห็นค่าสีของวัตถุที่ถูกต้อง

 

  • หลอดไฟ Cool White 

            การเลือกหลอดไฟในบ้านประเภท Cool White ที่มีอุณหภูมิสี 4,000 เคลวิน อยู่ระหว่างแบบ Warm White และ Daylight White แสงที่ได้จะเป็นสีค่อนข้างขาว และเป็นสีโทนเย็น ซึ่งมองแล้วให้ความสบายตา หลอดไฟประเภทนี้นิยมใช้กันในร้านค้า เพื่อช่วยให้สีสันของสินค้าดูสดใสกว่าความเป็นจริง

 

  • หลอดไฟ Daylight White 

            การเลือกหลอดไฟในบ้านประเภท Daylight White ที่มีอุณหภูมิสี 6,000 - 6,500 เคลวิน โทนสีนี้ถือเป็นสีมาตรฐานที่นิยมใช้มากที่สุด เพราะให้สีใกล้เคียงกับแสงอาทิตย์ จึงไม่ทำให้สีของวัตถุที่สะท้อนกลับมาผิดเพี้ยน แสง Daylight White ยังสามารถใช้ได้กับทุกที่ที่ต้องการความสว่างสดใส ถ้าหากเลือกไปใช้เป็นหลอดไฟในบ้าน ความสว่างสดในของโทนแสงจะสามารถช่วยกระตุ้นร่างกายให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าได้มากยิ่งขึ้น

 

            การเลือกใช้งานหลอดไฟในบ้านของทั้ง 3 โทนสีนี้ยังสามารถผสมผสานรวมกัน เพื่อไม่ให้โทนสีใดสีหนึ่งเด่นเกินไปได้อีกด้วย เช่น การเลือกใช้หลอดไฟประเภท Warm White ผสานกับแบบ Cool White ในห้องทานข้าวจะช่วยให้บรรยากาศดูอ่อนโยน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังส่งเสริมให้อาหารดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น หรือการใช้หลอดไฟโทน Warm White เพื่อเน้นเฟอร์นิเจอร์ให้ดูโดดเด่นท่ามกลางแสง Daylight เป็นต้น

 

2. การเลือกขั้วหลอดไฟให้เหมาะสม 

 

            ขั้วของหลอดไฟนั้นจะแตกต่างกันไปตามประเภทของหลอดไฟนั้นๆ เมื่อถึงคราวต้องเปลี่ยนหลอดไฟ การตรวจดูประเภทของขั้วหลอดไฟจึงเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญ เพราะการเลือกหลอดไฟที่มีขั้วไม่สอดคล้องกับโคมไฟ หรือรางหลอดไฟที่บ้าน อาจทำให้จะต้องเสียเงินเพื่อซื้อหลอดใหม่ได้ ข้อที่ 3 การเลือกหลอดไฟจากประเภทของหลอดไฟ

 

            ประเภทของหลอดไฟนั้นสัมพันธ์กับการใช้งานพื้นที่ต่างๆของบ้าน หลอดไฟที่ดีควรช่วยประหยัดไฟ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สำหรับประเภทหลอดไฟที่นิยมใช้ในบ้านทุกวันนี้มี 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่

 

  • หลอดไส้ 

            หลอดไส้เป็นหลอดไฟประเภทที่ใช้หลักการปล่อยพลังงานไฟฟ้าผ่านขดลวดแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนจัดจนเปล่งแสงออกมา ปัจจุบันมีพัฒนาการโดยบรรจุสารตระกูลฮาโลเจนเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน หรือที่รู้จักกันในนามหลอดทังสเตนฮาโลเจน หลอดชนิดนี้นิยมใช้เพื่อเน้นบรรยากาศในห้อง หรือบริเวณที่ต้องการความสว่างเป็นพิเศษ เช่น ใช้ในตู้โชว์ หรือส่องรูปภาพบนผนังให้โดดเด่น เป็นต้น

 

  • หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ 

            หรือที่รู้จักกันในนามหลอดตะเกียบ หลอดไฟประเภทนี้ใช้การส่งผ่านประจุอิเล็คตรอนจากขั้วลบผ่านสารเรืองแสงที่ใช้เคลือบหลอดไฟไปยังขั้วบวกเพื่อทำให้เกิดแสงสว่าง เป็นหลอดที่นิยมใช้งานเนื่องจากมีอายุการใช้งานยาวนาน ให้แสงสว่างสูง และประหยัดไฟได้ 75% - 80% ของหลอดไส้ ซึ่งหลอดไฟในบ้านชนิดนี้สามารถติดตั้งให้แสงสว่างทั่วไปทั้งภายใน และภายนอกอาคาร รวมถึงบริเวณที่ต้องเปิดไฟทิ้งไว้นานๆ เช่น ประตูรั้วหน้าบ้าน

การเลือกหลอดไฟ LED ในบ้าน ให้เหมาะกับห้อง

  • หลอดไฟ LED ในบ้าน (Light Emitting Diodes) 

            หลอดประเภทนี้เป็นแสงประดิษฐ์ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นหลอดไฟขนาดเล็กที่สุดแต่ให้แสงสว่างได้ดี แถมยังไม่แผ่ความร้อนจึงช่วยยืดอายุการใช้งานของหลอดยาวนานขึ้น หลอดไฟในบ้านประเภท LED นี้สามารถเปิด-ปิดได้บ่อยครั้งโดยไม่เสื่อมสภาพไปตามจำนวนการกดสวิตช์

 

นอกจากนี้หลอดไฟ LED ยังไม่มีการปล่อยรังสียูวี ที่สามารถทำร้ายผิว และสายตาของเรา รวมถึงทำให้เฟอร์นิเจอร์บางประเภทมีอายุการใช้งานสั้นกว่ากำหนด อีกทั้งหลอดไฟประเภทนี้ยังไม่ปล่อยก๊าซอันตรายอีกด้วย โดยเราสามารถใช้หลอดไฟ LED ได้ในทุกๆ จุดของบ้าน ทั้งในรูปแบบของการให้แสงสว่างทั่วไป และ Lighting Design เพื่อทำให้บ้านมีมิติไม่จำเจ

 

            ด้านความคุ้มค่า นอกจากอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าหลอดไฟแบบอื่นๆแล้ว ในปัจจุบันหลอดไฟแอลอีดี (LED) ที่ใช้ในบ้านยังมีราคาถูกลง จับต้องได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย

 

3. การเลือกประเภทของหลอดไฟในบ้าน
สำหรับประเภทหลอดไฟที่นิยมใช้ในบ้านทุกวันนี้มี 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
 

  • หลอดไส้ 

เป็นหลอดไฟประเภทที่ใช้หลักการปล่อยพลังงานไฟฟ้าผ่านขดลวดแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนจัดจนเปล่งแสงออกมา โดยปัจจุบันมีพัฒนาการมากขึ้นโดยบรรจุสารตระกูลฮาโลเจนเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน หรือที่รู้จักกันในนามหลอดทังสเตนฮาโลเจน หลอดชนิดนี้นิยมใช้เพื่อเน้นบรรยากาศในห้อง หรือบริเวณที่ต้องการความสว่างเป็นพิเศษ เช่น ใช้ในตู้โชว์ หรือส่องรูปภาพบนผนังให้โดดเด่น เป็นต้น

 

 

  • หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ 

หรือที่รู้จักกันในนามหลอดตะเกียบ ใช้การส่งผ่านประจุอิเล็คตรอนจากขั้วลบผ่านสารเรืองแสงที่ใช้เคลือบหลอดไฟไปยังขั้วบวกเพื่อทำให้เกิดแสงสว่าง เป็นหลอดที่นิยมใช้งานเนื่องจากมีอายุการใช้งานยาวนาน ให้แสงสว่างสูง และประหยัดไฟได้ร้อยละ 75-80 ของหลอดไส้ ซึ่งหลอดไฟในบ้านชนิดนี้สามารถติดตั้งให้แสงสว่างทั่วไปทั้งภายในและภายนอกอาคาร และบริเวณที่ต้องเปิดไฟทิ้งไว้นานๆ เช่น ประตูรั้วหน้าบ้าน

 

  • หลอด LED (Light Emiting Diodes) 

เป็นแสงประดิษฐ์ที่กำลังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ด้วยเพราะเป็นหลอดไฟขนาดเล็กที่สุดแต่ให้แสงสว่างได้ดีไม่แพ้บรรดาหลอดไฟที่มีมาก่อน แถมยังไม่แผ่ความร้อนจึงช่วยยืดอายุการใช้งานของหลอดยาวนานขึ้น หลอดไฟประเภทนี้สามารถเปิด-ปิดได้บ่อยครั้งโดยไม่เสื่อมสภาพไปตามจำนวนการกดสวิตช์ นอกจากนี้ยังไม่มีการปล่อยรังสียูวี หรือก๊าซอันตรายอีกด้วย โดยเราสามารถใช้หลอด LED ได้ในทุกๆ จุดของบ้าน ทั้งในรูปแบบของการให้แสงสว่างทั่วไป และ Lighting Design เพื่อทำให้บ้านมีมิติไม่จำเจ
 

4. การเลือกหลอดไฟที่ให้ระดับความสว่างเหมาะกับพื้นที่ 

           

            ความสว่างที่ไม่เหมาะสมนอกจากจะทำให้ mood and tone ของบ้านไม่เป็นไปดั่งใจเราแล้ว ยังอาจส่งผลเสียที่ใหญ่กว่านั้น เช่น การอ่านหนังสือในบ้านที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอนั้นสามารถทำร้านสายตาของเราได้ หรือแสงสว่างที่มากเกินไปก็จะทำให้ห้องที่มีไว้สำหรับพักผ่อนดูแข็งกระด้าง เป็นต้น นอกจากจะเลือกหลอดไฟจากโทนสีของแสงที่ต้องการแล้ว ระดับความสว่างที่เหมาะสมจึงเป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรคำนึงถึง

 

5. การเลือกรูปทรงของหลอดไฟในบ้าน

 

            หลอดไฟนั้นเป็นส่วนประกอบนึงที่ไม่สามารถขาดไปจากห้องได้ รูปทรงของหลอดไฟจึงเหมือนเป็นองค์ประกอบอีกหนึ่งอย่างที่สามารถตกแต่งห้องให้น่าสนใจขึ้นได้ อีกทั้งรูปทรงของหลอดไฟยังผลต่อการใช้งานด้วย การเลือกรูปทรงหลอดไฟที่ไม่เหมาะสมจะทำให้แสงกระจายได้ไม่เพียงพอ และส่งผลเสียต่อพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างที่สม่ำเสมอ เช่น ห้องครัว หรือห้องทำงาน เราจึงควรเลือกรูปทรงของหลอดไฟที่สามารถกระจายแสงในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงด้วย

การเลือกหลอดไฟ LED ในบ้าน ให้เหมาะกับห้องและประเภทของหลอดไฟ

6. การเลือกหลอดไฟที่ปรับการใช้งานได้ตามความต้องการ เช่น หรี่ไฟ ปรับโทนสี

 

            การเลือกหลอดไฟที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลาย เช่น สามารถปรับระดังความสว่างของไฟ หรือสามารถปรับโทนสีของแสงได้ ย่อมให้ความคุ้มค่าสูงสุด เพราะห้องๆนึงสามารถเป็นได้ทั้งห้องสำหรับพักป่อน หรือทำงานที่ต้องใช้สมาธิได้เมื่อต้องการ ทำให้เราสามารถใช้งานห้องนั้นๆได้อย่างคุ้มค่าอีกด้วย

 

หลอดไฟที่สามารถประหยัดไฟได้มากที่สุดคือหลอดไฟแบบ LED แต่หลอดไฟ led ในบ้านควรใช้กี่วัตต์กันล่ะ? เนื่องจากหลอดไฟเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และในบ้านนั้นก็ไม่ได้มีหลอดไฟเพียงจุดเดียว การพิจารณาถึงกำลังในการกินไฟ หรือจำนวนวัตต์ (Watt หรือ W - หน่วยวัดกำลังไฟฟ้าที่เป็นตัวบอกอัตราการกินไฟของหลอดไฟ) ให้เหมาะสมจึงเป็นอีกข้อที่สำคัญอย่างยิ่ง หลอดไฟที่ต่างประเภทนั้นมีค่าพลังงาน (วัตต์) ที่ต่างกันทำให้กินไฟไม่เท่ากัน


7. การเลือกหลอดไฟในบ้านและจํานวนวัตต์ที่เหมาะสม

            “หลอดไฟบ้านกี่วัตต์” เป็นคำถามที่คำตอบ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และลักษณะของพื้นที่นั้นๆ เช่น ห้องทำงานที่ต้องการสมาธิในการทำงาน มีความสูง 2.5 เมตร (ประมาณ 15 ตร.ม.) เหมาะกับหลอดไฟ LED 4-5 วัตต์ จำนวน 10 หลอด แต่หากใช้หลอดไฟ LED 7-7.5 วัตต์ จำนวนเพียง 6 หลอดก็เพียงพอ เป็นต้น

 

            การเลือกหลอดไฟในบ้านจากจำนวนวัตต์ให้เหมาะสมนั้น จึงต้องนำทั้งศาสตร์ความรู้เรื่องแสง และเรื่องหลอดไฟ ผสมผสานกับศิลปะในการออกแบบที่มากด้วยจินตนาการเพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศของบ้านให้น่าอยู่อาศัยยิ่งขึ้น ซึ่งบ้านเนอวานาได้ดีไซน์ทั้งแสงธรรมชาติ และแสงประดิษฐ์ไว้อย่างกลมกลืน เพื่อให้ทุกคนสัมผัสถึงสุนทรีย์แห่งแสง และเงา พร้อมทั้งยังสามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด เพื่อเติมเต็มความสุขของทุกชีวิตในบ้าน

 

 

 

 

 

facebook-msn