เมกะเทรนด์ที่พลิกโฉมออฟฟิศดีไซน์แห่งอนาคต
การเติบโตของคนเจนเนอเรชั่น Y และการมาถึงของเด็กเจน Z ในโลกแห่งการทำงาน ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของรูปแบบการทำงานที่ไม่เพียงรักษาสมดุลของ Work-Life Balance เท่านั้น แต่ยังต้องมาพร้อมปรัชญาสุดสตรองอย่าง Work Hard, Play Hard ที่เปรียบเสมือนต้นทางของการเกิดเมกะเทรนด์ที่มีอิทธิพลต่องานดีไซน์ออฟฟิศยุคใหม่ ซึ่งองค์กรต่างต้องเตรียมพร้อมรับมือให้ทันต่อกระแสโลกธุรกิจที่กำลังหมุนอย่างรวดเร็ว
Environmentally Conscious – ออฟฟิศสีเขียวในมิติที่ลึกยิ่งขึ้น
มุมมองต่อการทำงานยุคใหม่ ไม่เน้นแค่ผลลัพธ์ของงานเท่านั้น แต่ยังโฟกัสไปที่สภาพความสุขสมบูรณ์ของคนทำงานซึ่งเป็นทรัพยากรอันทรงคุณค่าที่สามารถนำพาองค์กรก้าวสู่จุดหมายได้ และหนึ่งในเทคนิคสำคัญที่จะรักษาคนเก่งให้อยู่กับองค์กร และเสริมศักยภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้นก็คือการออกแบบสภาพแวดล้อมให้น่าทำงานโดยเชื่อมโยงองค์ประกอบของธรรมชาติเข้าสู่ตัวออฟฟิศ โดยการสำรวจของ Human Space พบว่าผู้ที่ทำงานในออฟฟิศที่มีพื้นที่สีเขียวและแสงธรรมชาติจะมีความคิดสร้างสรรค์ มีประสิทธิภาพการทำงาน และระดับคุณภาพชีวิตเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและอยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตร ซึ่งไม่เพียงช่วยบริษัทลดค่าใช้จ่าย แต่ยังสร้างภาพลักษณ์ด้าน Eco-Friendly สู่สาธารณะทั้งกับลูกค้าและพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายประหยัดพลังงาน การใช้อุปกรณ์สำนักงานที่ไม่ก่อมลพิษ อาคารก่อสร้างด้วยวัสดุที่ช่วยลดการใช้พลังงาน รวมทั้งการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าผ่าน 3 Rs – Reduce Reused Recycle
Inclusion & Accessibility – จัดพื้นที่รองรับการอยู่ร่วมกันและการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม
ในยุคปัจจุบัน เป็นยุคที่ทั่วโลกต่างรณรงค์ด้านการยอมรับในความหลากหลายและการอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะกลุ่มเจนเนอเรชั่น Y ตอนปลายและเจนเนอเรชั่น Z ที่ใส่ใจเรื่องความเท่าเทียมเป็นอย่างมาก อันเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่กำลังเริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน การจัดออฟฟิศให้มีพื้นที่ที่หลากหลาย รองรับรูปแบบการทำงานที่ต่างกัน และเอื้อให้ทุกคนเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ โดยเท่าเทียม จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีศักยภาพให้อยู่กับเราได้นานขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ได้แก่ การผังที่นั่งร่วมกันในพื้นที่เปิดโล่งโดยไม่แบ่งระดับอาวุโส หรือการจัดมุมทำงานเงียบๆ สำหรับพนักงานที่มีลักษณะนิสัยแบบอินโทรเวิร์สได้ปลีกตัวมาใช้ในยามที่ต้องการสมาธิสูง
นอกจากนี้ ยังอาจเน้นการออกแบบออฟฟิศให้แต่ละฟังก์ชั่นต้องการความพยายามทางกายภาพน้อยที่สุดเพื่อให้พนักงานที่มีความแตกต่างทางกายภาพได้เข้าถึงได้โดยง่ายและปลอดภัย อาทิ ใช้มือจับประตูแบบก้านโยกแทนการใช้ลูกบิด การควบคุมสภาพแสง เสียง อุณหภูมิที่เหมาะกับการทำงาน การดีไซน์พื้นที่เพื่อรองรับประเภทการทำงานที่แตกต่างกันแบบโซนโต๊ะทำงานส่วนตัวและมุมสันทนาการ เป็นต้น
Advanced Technology – รับมือกับเทคโนโลยีก้าวกระโดด
ความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็น Internet of Things ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) หรือการจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง (Virtual reality - VR) และเครื่องมืออื่นๆ คือเมกะเทรนด์ที่ทำให้การออกแบบออฟฟิศแห่งอนาคตเปลี่ยนไป คือมีความยืดหยุ่นในการจัดวางฟังก์ชั่นและเข้าใช้งาน เน้นเป็นพื้นที่เปิดเชื่อมต่อกันอย่างอิสระ อาจมีเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นช่วยแบ่งโซนเป็นสัดส่วนแต่ไม่เป็นทางการมากนัก พนักงานไม่จำเป็นต้องนั่งโต๊ะประจำตำแหน่ง แต่สามารถเลือกโลเกชั่นที่ไหนก็ได้ในออฟฟิศที่ตอบโจทย์การทำงาน ทั้งมุมสงบต้องการสมาธิสูง หรือห้องประชุมที่ต้องการให้แต่ละคนโยนไอเดียสร้างสรรค์ โดยมีเครื่องมือทันสมัยและอินเตอร์เน็ตเป็นตัวเชื่อมข้อมูลทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานระบบ Automation ที่ช่วยควบคุมสภาพแวดล้อมของออฟฟิศให้เหมาะกับการทำงาน กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ดูแลความปลอดภัยด้านต่างๆ ทำให้ทุกคนโฟกัสไปกับงานที่ทำได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับเจ้าของกิจการได้อีกด้วย
Nirvana @WORK โฮมออฟฟิศสำหรับการทำงานแห่งอนาคต ดีไซน์ชาญฉลาดให้พื้นที่ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนตามเมกะเทรนด์โลกได้อย่างทันท่วงที สร้างบรรยากาศให้คนทำงานพร้อมที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้า