จาก Design Thinking สู่การออกแบบบ้าน Nirvana
เพราะ Design Thinking ไม่ได้หมายความเพียงการคิดออกแบบเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงกระบวนการคิดที่ใช้การทำความเข้าใจในปัญหาต่างๆ อย่างลึกซึ้ง โดยมีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง มุ่งคิดค้นโซลูชั่นให้แก่ “ปัญหา” ต่างๆ รวมไปถึงการพัฒนาต่อยอดสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ให้ยิ่งดีขึ้นกว่าเดิม
และบ้าน นับเป็นผลงานการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับคนอย่างลึกซึ้ง Nirvana จึงใส่ใจใน Design Thinking มานับแต่จุดเริ่มต้น จนถึงการพลิกโฉมและฉีกกฎเกณฑ์การดีไซน์ของ Modern Living Revolution ในวันนี้ เราสร้างสรรค์บ้านที่ไม่เพียงมีดีไซน์โดดเด่น แตกต่างเท่านั้น ทุกฟังก์ชั่นที่ยึด “คนอาศัย” เป็นศูนย์กลาง ยังช่วยสร้าง Flow ของกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในบ้านได้อย่างลงตัว พบ 3 สเต็ปสำคัญเป็นตัวขับเคลื่อนกระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย ดังนี้
STEP 1: เข้าใจคนอย่างลึกซึ้ง (Understanding)
เป็นขั้นตอนของการทำความเข้าใจต่อความต้องการหรือปัญหาอย่างลึกซึ้ง โดยเปิดใจรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของลูกบ้านที่มีประสบการณ์ตรงจากการใช้ชีวิตให้บ้าน Nirvana จริงๆ และจากลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ แล้วนำมาวิเคราะห์อย่างตรงประเด็นในแบบ Human-Centered Design คือยึด “คน” เป็นศูนย์กลางของการออกแบบ ขจัด Pain Point ของผู้อยู่อาศัยให้หมดไป และแทนที่ด้วยฟังก์ชั่นที่ “พอดี” กับจังหวะชีวิตของคนแต่ละช่วงวัย
ผสมผสานกับหลักการทางสถาปัตยกรรมเพื่อความอยู่สบาย มีช่องเปิดที่ทำให้ได้รับประโยชน์จากแสงและลมธรรมชาติอย่างเต็มที่ ผสมกับผนังปิดที่สร้างความเป็นส่วนตัว และยังมีการใช้ Universal Design กับสิ่งของต่างๆ เพื่อให้ทุกคนในบ้านเข้าถึงง่ายและเท่าเทียมกัน ตลอดจนคิดฟังก์ชั่นเผื่อสำหรับการใช้งานในอนาคต เช่น การออกแบบห้องนอน 2-3 ไซส์ใหญ่เพื่อรองรับการเติบโตของบุตรหลาน เป็นต้น
STEP 2: คิดแบบไม่ติดกรอบ (Brainstorming)
เรากระโดดข้ามขีดจำกัดงานดีไซน์บ้านทั่วไปสู่บ้านสไตล์ Natural Modern ที่มี Facade หน้าบ้านบิดเอียงองศา และการจัดองค์ประกอบ Mass & Void ที่สร้างความซับซ้อนให้แก่เส้นสายที่เรียบเฉียบคมสไตล์ Modern สร้างความสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น โดยการที่จะสามารถก้าวข้ามกรอบการดีไซน์เดิมๆ ได้นั้น มาพร้อมกับการนำเอาเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ทันสมัย อาทิ
· คอนกรีตอัดแรง (Prestressed Concrete) เพื่อเปลี่ยนให้งานดีไซน์ในฝันกลายเป็นสถาปัตยกรรมแห่งความจริงที่สมบูรณ์สวยงาม สามารถลดทอนปริมาตรโครงสร้างเสาและคานทำให้บ้านดูโปร่งตา แต่แข็งแรงมั่นคง พร้อมส่งมอบพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางและสารพัดประโยชน์มากยิ่งขึ้น
· กระจก Low Emission หรือกระจกที่มีค่าถ่ายเทความร้อนต่ำ ช่วยให้สามารถติดตั้งช่องเปิดได้รอบด้าน รับแสงและวิวธรรมชาติได้เต็มตาไม่ต้องกลัวร้อน
· ระบบหลังคา Asphalt Shingles ที่มาพร้อมน้ำหนักเบา ลดภาระให้แก่โครงสร้าง พร้อมคุณสมบัติสะท้อนรังสีและระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ ดูดซับเสียงและแรงกระแทกได้ดี
STEP 3: ทดสอบดีไซน์ (Prototyping and modeling)
กว่าจะมาเป็นบ้าน Nirvana ที่เห็นกันวันนี้ ทีมดีไซน์ต้องผ่านการทดสอบแนวคิดและดีไซน์ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการคิดออกแบบเหล่านั้นถูกต้องและเหมาะสมกับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ อาทิ การสร้างต้นแบบที่เกี่ยวข้องกับงาน Prestressed Concrete ซึ่งต้องการความแม่นยำสูงสุดในการผลิตแต่ละชิ้นส่วน การทดสอบคุณภาพของทุกชิ้นส่วนที่นำมาติดตั้ง รวมไปถึงวัสดุต่างๆ ที่นำมาใช้ ว่าจะสามารถอยู่คู่กับครอบครัว Nirvana ได้อย่างคงทนและยั่งยืน
นอกจากนี้ยังต่อยอดความสำเร็จที่ผ่านมาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการออกแบบ Internal Bridge ที่พัฒนาขึ้นให้สามารถใส่ฟังก์ชั่นหรือตกแต่งเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติมเพื่อการใช้งานที่มากขึ้น และการสร้าง Semi-outdoor courtyard เพื่อเปิดพื้นที่เชื่อมต่อกันของห้องต่างๆ ทั้งที่อยู่ในแนวราบและแนวสูง ทำให้พื้นที่มีมิติการใช้งานหลากหลาย ได้ประโยชน์ในการดึงธรรมชาติและวิวสวนทั้งแบบ Inside out และ Outside in
เพราะเรารู้ดีว่าความใส่ใจในรายละเอียดของผู้อยู่อาศัยยิ่งมากเท่าไร ยิ่งทำให้เราสร้างสรรค์ “บ้านที่พอดี” ได้มากเท่านั้น และกระบวนการคิดแบบ Design Thinking ก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะเปลี่ยนให้บ้าน Nirvana คือคำตอบของการอยู่อาศัยที่ลงตัวสำหรับทุกคน
#NirvanaLivingRevolution #RevolutionOfModernDesign #ExclusivelyHarminiousSpace#Design #NaturalModern #DetailsMakeMagic #NirvanaHome#NirvanaDaii