ส่อง 4 ความอินเทรนด์สำหรับออฟฟิศปี 2019
เทรนด์การออกแบบออฟฟิศในแต่ละปีมักมีเรื่องเด่นๆ มาให้ติดตามกันอยู่เสมอ สำหรับในปีนี้ 2019 เหล่าดีไซเนอร์ สถาปนิก และผู้เชี่ยวชาญด้านการทำงานต่างลงความเห็นไว้ใกล้เคียงกันว่าไฮไลท์อยู่ที่การดีไซน์พื้นที่อย่างสร้างสรรค์ เพื่อตอบโจทย์ความสุขของคนทำงานทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะยกเรทความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานให้สูงขึ้น โดยมี 4 ความอินเทรนด์ที่จะมาช่วยปลุกพื้นที่ออฟฟิศให้ทันสมัย สดใส เพิ่มชีวิตชีวาทั้งทั้ง Working และ Living ให้มันส์ยิ่งกว่าเดิม
Experience-Driven Spaces รังสรรค์พื้นที่สร้างประสบการณ์
โต๊ะทำงานประจำที่วางอยู่ในจุดเดิมๆ มุมเดิมๆ ทำให้พนักงานรู้สึกคุ้นเคยอุ่นใจ มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของก็จริง แต่อาจไม่เพียงพอสำหรับการทำงานยุคใหม่ที่เส้นแบ่งระหว่างชีวิตทำงานกับชีวิตส่วนตัวเจือจางลงทุกที เพราะพนักงานเหล่านั้นต้องการมากกว่าแค่เงินเดือน โบนัส หรือเลื่อนตำแหน่งเหมือนในอดีตที่ผ่านมา แต่คือต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย ดังนั้น เทรนด์แรกของการออกแบบออฟฟิศในปีนี้จึงหนีไม่พ้นการจัดสรรพื้นที่ในออฟฟิศให้มีโซนสันทนาการพิเศษ รองรับกิจกรรมความบันเทิงที่หลากหลายเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์แปลกใหม่
ไม่ว่าจะเป็นห้องฝึกโยคะ มุมพักผ่อนที่ให้ฟีลเหมือนอยู่บ้าน เคาน์เตอร์บาร์สำหรับจิบกาแฟทานขนมยามบ่าย ผนังจำลองปีนหน้าผา ห้องดูภาพยนตร์ ไปจนถึงการตั้งชมรมกีฬา หรือจัดกิจกรรมร่วมสนุกกันภายในกลุ่มพนักงาน โดยพบว่าพื้นที่เหล่านี้สามารถสร้างความสุขในที่ทำงาน กระชับความสัมพันธ์ที่ดีในพนักงานทุกระดับ อีกทั้งยังเป็นข้อจูงใจที่ดึงดูดแรงงานรุ่นใหม่และรักษาคนเก่งให้อยู่ร่วมงานกับองค์กรได้
Transparency Wall พื้นที่ไร้กำแพงแบ่งกั้น
ไม่ว่ากระแส Co-Working Space หรือ Activity-based workplace ที่เน้นจัดสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานให้มีความหลากหลายเพื่อรองรับกิจกรรมหรือการทำงานที่แตกต่างล้วนส่งให้ไอเดีย Transparency Wall หรือการแบ่งพื้นที่ทำงานแบบไร้กำแพงกั้นให้โดดเด่นขึ้นในปีนี้ และนับเป็นการต่อยอด Open Plan Design ให้ชัดเจนขึ้น โดยเชื่อว่าพื้นที่เปิดสามารถสนับสนุนการทำงานแบบ Collaboration ได้อย่างยืดหยุ่นพร้อมๆ กับการโปรโมทไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆ
นอกจากมีความโปร่งโล่งเป็นหัวใจแล้ว Transparency Wall ยังเกิดจากการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีรูปทรงบางเบา สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายเพื่อให้เกิดอิสระในการทำงานหรือเหมาะสมกับประเภทของงาน เน้นใช้กระจกใสแทนการก่อกำแพงทึบเพื่อเปิดทางให้แสงธรรมชาติส่องถึงซึ่งให้ประโยชน์โดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน
Nostalgia ผสมผสานของเก่าและของใหม่
อีกหนึ่งเทรนด์มาแรงสำหรับปีนี้คือการผสมผสานความเก่า-ใหม่เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยจะเห็นว่าปัจจุบันมีการนำตึกเก่ามารีโนเวทเป็นออฟฟิศลุคโมเดิร์นสุดฮิปอยู่บ่อยๆ หรือไม่ก็นำวัสดุดั้งเดิมเผยความเป็นสัจวัตถุมาประดับในพื้นที่ทำงานของคนรุ่นใหม่
โดยจัดวางและออกแบบอย่างความกลมกล่อมในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็น texture ของวัสดุที่ใช้ตกแต่งอย่างอิฐมอญแดง เหล็กเก่า ไม้เนื้อแข็ง หรือการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความรู้สึก Contrast กันระหว่างสถานที่อันเก่าแก่กับเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์แบบ Minimal ความย้อนแย้งของงานสถาปัตย์กับงานอินทีเรีย รวมไปถึงความต่างของการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ภายใต้ดีไซน์แบบ old-fashion ที่สร้างเสน่ห์จนชวนให้หลายคนได้นึกย้อนถึงอดีตหรือความสุขในวันวานไม่มากก็น้อย
Biophilic Design ธรรมชาติและพื้นที่สีเขียว
การเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ธรรมชาติยังคงเป็นเทรนด์ที่มาแรงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งพลังของธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นจากต้นไม้ อากาศ แสงแดด ฯลฯ ล้วนมีคุณประโยชน์ต่อคนทำงาน ช่วยผ่อนคลายร่างกายและจิตใจในวันที่เหนื่อยล้าให้กลับมาสดใส รวมทั้งช่วยลดความเครียด เพิ่มพลังความคิดสร้างสรรค์ และทำให้บรรยากาศออฟฟิศมีชีวิตชีวาน่านั่งทำงานด้วย
สำหรับการออกแบบพื้นที่ธรรมชาติทั้งพื้นที่ภายนอกและภายในออฟฟิศเป็นไปอย่างอิสระตามแต่จินตนาการจะพาไป นอกจากไม้ประดับที่คุ้นตาอย่างเฟิร์น เศรษฐีเรือนใน พลูด่างแล้ว ปัจจุบันยังมีการนำพืชผักสวนครัวมาปลูกในบริเวณออฟฟิศ และการนำองค์ประกอบของธรรมชาติอื่นๆ อย่างเช่น น้ำทะเล ท้องฟ้า หาดทรายมาร่วมแจมในมุมต่างๆ รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อให้รู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกับธรรมชาติแบบทุกย่างก้าวในออฟฟิศ
พบกับ Nirvana @WORK โฮมออฟฟิศใกล้รถไฟฟ้าแบบ Full Function และโฮมออฟฟิศสไตล์โมเดิร์นสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตยุคใหม่ ที่พร้อมให้คุณจับทุกความอินเทรนด์ของงานดีไซน์แห่งปีมาตกแต่งเพื่อสร้างนวัตกรรมสุดสร้างสรรค์ในแบบฉบับของตัวเอง พร้อมกับขยายความสุขและความสำเร็จอย่างไม่หยุดยั้งสำหรับทุกองค์กร
#DetailsMakeMagic #Design #NirvanaHome #NirvanaDaii #Nirvanadaii.com #instagram.com/nirvana_daii