ความสุขของการอยู่บ้าน หากถามผู้คนในจำนวนสิบคน เราอาจได้คำตอบที่แตกต่างกัน แต่หนึ่งในนั้นเราเชื่อว่ามีหนึ่งเหตุผลที่อาจเป็นคำตอบที่เหมือนกัน นั่นคือ การได้อยู่เคียงข้างคนที่รักในทุกวันตั้งแต่เช้าจนถึงเข้านอน บ้านจึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรามีช่วงเวลาแบบนี้ได้ และบ้านที่ใช่ก็คงไม่ใช่บ้านที่ทำให้เรามานั่งกระจุดตัวอยู่รวมกันที่กลางบ้าน แต่อาจต้องเป็นบ้านที่แบ่งสัดส่วนได้อย่างชัดเจน มีพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ส่วนกลางให้ทุกคนได้มาพบหน้ากัน สิ่งที่ครอบครัวได้รับ ตั้งแต่สมาชิกวัยเด็กจนถึงวัยผู้สูงอายุ แน่นอนว่า สุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีล้วนมาเป็นอันดับหนึ่งที่ทุกคนในบ้านได้รับอย่างเท่ากัน
โดยในประเทศไทยเราได้เข้าสู่สังคมสูงอายุมาตั้งแต่ปี 2548 แล้ว ซึ่งจำนวนประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมีสัดส่วน 7%ของประชากรทั้งหมด และในปัจจุบันนี้ประชากรผู้สูงอายุในปี 2565 นั้นมีมากถึง 12,116,199 คน คิดเป็น 18.3% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งมีผลวิจัยที่เป็นข้อมูลสำคัญในเรื่องการใช้ชีวิตในบ้าน พบว่า ผู้สูงอายุที่หกล้มประมาณ 90 % เกิดจากสภาพแวดล้อมของบ้านที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้ชีวิต โดยสะดุดสิ่งกีดขวาง 39 % พื้นลื่น 34 % พื้นต่างระดับ 10% ตกเตียงและบันได 6 %
ซึ่งก่อนหน้านี้สัดส่วนการหกล้มนอกบ้านและในบ้านสัดส่วนเท่ากัน แต่ในช่วง 2 ปีของโควิด19 ผู้สูงอายุอยู่บ้านมากขึ้น สัดส่วนการหกล้มในบ้านจึงพบสูงมากขึ้นถึง 80 % และสถานที่ที่หกล้มในบ้านส่วนใหญ่จะมี 4 จุดหลักด้วยกัน ได้แก่ ห้องนอน 30 % ห้องน้ 25 % บันได 12 % และระเบียงบ้าน 5 % ดังนั้นแล้วการเลือกบ้านที่มองเผื่อไปในอนาคตต้องรองรับผู้สูงอายุไว้ด้วย ซึ่งการออกแบบที่ดีนั้นห้องนอนที่มีพร้อมตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำในตัว ควรอยู่บริเวณชั้นล่างสุด ไร้พื้นต่างระดับ ไร้ขอบธรณีประตู ซึ่งเป็นการออกแบบเพื่อรองรับในกรณีที่ต้องใช้วีลแชร์หรือไม้ค้ำล้อเลื่อน
ในขณะเดียวกันห้องที่ออกแบบรองรับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องสำหรับเด็กได้เช่นกัน ด้วยการออกแบบที่มีการคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก อากาศถ่ายเทสะดวก พื้นที่มีความเป็นส่วนตัวสูง แต่ยังสามารถมองเห็นวิวธรรมชาติจากภายในบ้านได้อย่างสบายใจ หรืออาจปรับเปลี่ยนให้ห้องนี้กลายเป็นที่เรียนออนไลน์หรือเปลี่ยนให้กลายเป็นห้องกิจกรรมพิเศษที่เด็กๆสนใจก็ทำได้ง่าย ในห้องขนาดใหญ่ในรูปแบบ Master Bedroom ที่ทำให้ง่ายต่อการตอบความต้องการของเด็กๆได้ทันที ซึ่งเราจะเห็นภาพได้ชัดเจนว่า หากเป็นบ้านที่มีการออกแบบห้องที่ดีที่รองรับทั้งผู้สูงอายุและเด็ก รองรับทุกกิจวัตรประจำวันของทั้งสองวัย ยิ่งทำให้สุขภาพจิตของเขานั้นดีตาม เมื่อสุขภาพจิตดี สุขภาพกายก็จะดีตามกันไป ความเป็นครอบครัวที่อบอุ่น อยู่กันอย่างมีรอยยิ้มในบ้านที่เข้าใจทุกคน นับเป็นเรื่องสำคัญเมื่อเราต้องเลือกบ้านเพื่อครอบครัว
รายละเอียดเพิ่มเติม : www.nirvanadaii.com