ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมต่อการเปลี่ยนโฉมสถาปัตยกรรมในอนาคต

Other channel

08/01/2020

ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมต่อการเปลี่ยนโฉมสถาปัตยกรรมในอนาคต

ความเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศและวิกฤติสิ่งแวดล้อมสร้างแรงกระพืมให้หลายภาคส่วนหันกลับมาตระหนักและเร่งหาแนวทางบรรเทาแก้ไขเพื่อไม่ให้สายเกินไป หนึ่งในนั้นคือสายงานสถาปัตยกรรมที่ต้องปรับตัวในการออกแบบสิ่งก่อสร้างให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยพบว่ามี 3 ความท้าทายหลักที่ต้องเผชิญและอาจทำให้โฉมหน้าของงานสถาปัตย์ในอนาคตไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

A picture containing building, window blind, sittingDescription automatically generated

การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศสู่สถาปัตยกรรมใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความท้าทายเร่งด่วนของสังคมและงานสถาปัตยกรรม ซึ่งเราได้เห็นแอ็คชั่นกันบ้างแล้วผ่านแนวคิด Green Building ในงานสถาปัตยกรรมสร้างใหม่ โดยความเป็น Green Building นั้นไม่ใช่แค่ปลูกต้นไม้หรือเพิ่มพื้นที่สีเขียวเท่านั้น แต่ยังเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมแบบบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็นความสอดคล้องกับสภาพอากาศในพื้นที่นั้นๆ การใช้พลังงานจากธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยหรือผู้ใช้อาคาร ตลอดจนกระบวนการก่อสร้างและวงจรชีวิตของงานสถาปัตยกรรมนั้นๆ ต้องก่อให้เกิดมลพิษและปัญหาสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

ปัจจัยดังกล่าวทำให้การดีไซน์ต้องคิดเยอะขึ้น เช่น การหันทิศทางของตัวบ้านและจัดฟังก์ชั่นภายในให้พอดีกับการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์เพื่อลดความร้อนสะสมสร้างสุขอนามัยที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย การออกแบบให้มีช่องเปิดหรือช่องว่างเยอะขึ้นเพื่อให้ลมเข้าออกระบายอากาศเหมาะสม  (Breathable Building) รวมไปถึงการติดตั้งระบบ Automation เพื่อช่วยประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ล้วนทำเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศของโลกเรานั่นเอง

A picture containing indoor, cabinet, floor, buildingDescription automatically generated

แนวคิด Reused, Recycle และวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ในการก่อสร้างแต่ละครั้งเราต้องสูญเสียทรัพยากรจำนวนไม่น้อย และเมื่อคิดถึงการประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์หรือ Life Cycle Assessment ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการจัดการเมื่อวัสดุเหล่านั้นหมดอายุการใช้งาน ตัวอย่างเช่น การผลิตคอนกรีตต้องใช้พลังงานและทรัพยากร 700 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/ลูกบาศก์เมตร ส่วนกระบวนการผลิตไม้เราจะสูญเสียพลังงาน 350 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/ลูกบาศก์เมตร การเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งาน สภาพภูมิอากาศ และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก

เพื่อให้การบริโภคทรัพยากรเป็นไปอย่างรู้คุณค่าตลอดอายุขัยที่แท้จริง ระบบ Circular Economy หรือระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนจึงถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในวงการสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะการสร้างนวัตกรรมเพื่อการก่อสร้าง เช่น การผลิตผิวสำเร็จหรือการเคลือบที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลอย่างยางรถยนต์หรือแก้ว แผงฉนวนกันความร้อนที่ทำจากเศษไม้ก๊อกบด หรือการใช้เซลลูโลสเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมกระดาษมาทดแทนพลาสติก เป็นต้น ความพยายามที่จะนำวัสดุกลับมาใช้ซ้ำ (Reused) นำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการใช้วัสดุจากแหล่งซัพพลายใกล้เคียงเพื่อลดความสิ้นเปลืองด้านการขนส่ง และรวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อลดการสร้างขยะจากการก่อสร้างให้น้อยลงนั้น ยังหมายถึงการใช้พลังงานและทรัพยากรที่ลดลงด้วย

A living room filled with furniture and a large windowDescription automatically generated

การใช้ประโยชน์สูงสุดของพื้นที่กับ Universal Design

เพื่อให้ทรัพยากรถูกใช้อย่างคุ้มค่า งานออกแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า Universal Design จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ เพราะยิ่งมีคนเข้าถึงได้มากเท่าไหร่ ต้นทุนทรัพยากรหารเฉลี่ยยิ่งน้อยลงเท่านั้น คิดง่ายๆ อย่างการสร้างบ้านที่รองรับการอยู่อาศัยของคน 3 เจนเนอเรชั่นย่อมประหยัดทรัพยากรและลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่าการสร้างบ้านเพื่อคนแต่ละเจนเนอเรชั่น เนื่องจากพวกเขาสามารถแชร์ห้องนั่งเล่น ห้องทานอาหาร ห้องครัว หรือพื้นที่สาธารณะได้ โดยยังคงมี Private Space อย่างห้องนอนไว้ใช้งาน ในขณะที่บ้านที่อยู่อาศัยคนเดียวก็ต้องมีฟังก์ชั่นเหล่านี้เช่นกันแต่จะเห็นได้ว่ามีการใช้งานที่คุ้มค่าต่างกัน

การออกแบบเพื่อส่วนรวมยังหมายถึงการดีไซน์สิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรกับความต้องการหรือข้อจำกัดของสังคม บุคคล และทำเลที่อยู่อาศัยต่างๆ ด้วย หรือกล่าวอีกนัยคือเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณเพื่อให้ทุกตารางนิ้วเกิดประโยชน์ใช้สอยสูงสุดนั่นเอง ดังนั้นเราจะเห็นการใช้พื้นที่แนวสูงมากขึ้น การออกแบบสไตล์ Open Plan ที่สร้างความยืดหยุ่นของพื้นที่ใช้งาน และการดีไซน์เพื่อตอบสนองความสุขสมดุลของชีวิต

ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญ Nirvana Daii ในฐานะผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมเพื่อการอยู่อาศัยพร้อมรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ดีกว่า ผ่านรูปแบบบ้านสไตล์ Natural Modern ที่รองรับการใช้ชีวิตของคนทุกเจนเนอเรชั่น พิเศษด้วย Exclusive Space ที่เกิดจาก Universal Design และการคัดสรรวัสดุพรีเมี่ยมที่สร้างความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมๆ กับมอบความสะดวกสบายแก่ผู้อยู่อาศัยได้ยกระดับชีวิตในสังคมคุณภาพ

#MakeTheMostOfYourSpace #NirvanaLivingRevolution #DetailsMakeMagic #NirvanaHome #NirvanaDaii

facebook-msn