12/06/2025
28/07/2021
สัดส่วนของพื้นที่ในบ้าน ทำให้ชีวิตเรามีคุณภาพมากกว่าเดิม
เมื่อคิดถึงบ้านในฝันสักหนึ่งหลัง ภาพที่เราเห็นชัดเจนน่าจะเป็นรายละเอียดของห้องต่างๆ ทั้งห้องนอนในฝันห้องครัวที่มีไอร์แลนด์ขนาดใหญ่ ห้องนั่งเล่นที่มีโปรเจคเตอร์และเครื่องเสียงคุณภาพดีจนอยากอวดเพื่อนฝูงและพื้นที่ขนาดกว้างรอบบ้าน ให้ผ่อนคลายทุกอิริยาบถได้ดีในระหว่างวัน ความสุขแบบคุณภาพสูง คือภาพที่คุณฝันไว้ กลับมาดูในความเป็นจริง แน่นอนว่า สิ่งที่คุณต้องเผชิญหลังตื่นนอนอาจจะไม่ใช่ภาพที่คุณอยากได้สักเท่าไหร่ การเดินออกจากเตียงเพียงไม่กี่ก้าว ก็ถึงโต๊ะทำงานที่ยังเป็นโต๊ะเดียวกับที่ใช้ทานข้าว ห้องครัวที่ทีแรกออกแบบเป็นสัดส่วนไว้อย่างดี ก็กลายเป็นห้องเก็บของ ที่อัดของไว้เต็มห้องจนมองหาจานชามแทบไม่เจอ หากความเป็นสัดส่วนของห้องภายในบ้าน ถูกกลืนหายไปตามพฤติกรรมของคนที่อยู่บ้าน สิ่งนี้จะย้อนกลับไปสู่คุณภาพชีวิต ของคนในบ้านเช่นกัน จากความเป็นอยู่ที่เป็นวินัยชัดเจน ความสะอาดระดับไฮยีนส์ กลับถูกทอดทิ้งทุกอย่าง
เพียงเพราะความเหนื่อยล้าจากชีวิตในแต่ละวัน ความพิถีพิถันกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงความเร่งด่วนที่สะท้อนกลับมาที่ตัวบ้านและตัวคุณ ทำให้การใช้ชีวิตนอกบ้าน ดูเป็นสุขกว่าตอนที่อยู่ในบ้านเสียอีก หากชีวิตต้องเดินมาถึงจุดที่บ้านไร้สัดส่วน พื้นที่ส่วนตัวกลายเป็นพื้นที่ส่วนรวมแบบอเนกประสงค์ การจัดระเบียบชีวิตครั้งใหม่ให้สอดคล้องกับพื้นที่ภายในบ้าน เห็นทีคงต้องเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างเร่งด่วน เพราะชีวิตที่ไร้สัดส่วนในการแบ่งพาร์ทที่ดี จะทำให้เราหมดไฟในการใช้ชีวิตได้แบบรวดเร็ว เพราะจุดเติมพลังงานในบ้านก็หายไปแบบหาไม่เจอ
เริ่มปรับเปลี่ยนด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด 5 วิธี
1. เริ่มที่ไลฟ์สไตล์ในตัวเรา
ให้ไล่เรียงถึง กิจวัตรประจำวันของเรา ทำอะไรบ้าง และในวันพักผ่อน เราต้องการอะไรมาเติมเต็มชีวิต แบ่งพาร์ทในบ้านให้ชัดเจน โต๊ะทำงานและโต๊ะทานอาหาร ให้ปรับใช้คนละโต๊ะและคนละมุมของบ้าน เพราะโต๊ะทานอาหารอาจต้องเป็นจุดเริ่มต้นของความอร่อย และโต๊ะทำงานต้องเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างประกายไฟในแต่ละวัน เมื่อจุดประสงค์คนละอ่าง พื้นที่ที่ถูกใช้จึงต้องมีความต่างเช่นกัน
2. เข้าใจว่าตัวเองชอบแบบไหน
บางคนชอบนั่งทำงานในห้องมืดๆที่มีแสงน้อย แต่บางคนกลับชอบแดดรำไรให้รู้สึกตื่นตัวเสมอ ในมุมอื่นๆของบ้านก็เช่นกัน ความรู้สึกที่มีในมุมนั้นๆของเราเป็นอย่างไร ให้ออกแบบให้เข้ากับความชอบ เพราะเมื่อเราเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในมุมนั้นแล้ว เราจะไม่รู้สึกเบื่อหรือจำเจเลย ถ้าเป็นมุมที่ใช่กับเราจริงๆ ทุกมุมในบ้านจะกระตุ้นเอนเนอร์จี้ของเราได้ดี
3. ทิ้งของที่ไม่จำเป็น อย่าเป็นนักเก็บตัวยง
หลายครั้งที่สเปซดีๆถูกทำลาย เพราะการเป็นนักเก็บตัวยงของบ้าน แม้แต่ขวดเปล่า กล่องลัง และสารพัดที่จะเสียดาย สิ่งเหล่านี้ทำให้พื้นที่ภายในบ้านที่เคยกว้างขวาง กลับลดทอนและใช้งานได้เพียงนิดเดียวอย่างไร้ประโยชน์ หากเปลี่ยนนิสัยช่างเก็บเป็นช่างเลือก เลือกที่จะเก็บของที่ใช้ประโยชน์ได้จริงๆ เชื่อเถอะว่า บ้านที่เคยแคบๆและไม่มีพื้นที่ให้ใช้ จะกลายเป็นพื้นที่ที่แทบจะทำห้องเก๋ๆไว้หย่อนกายได้อีกห้องเลย
4. แบ่งโซนความเป็นส่วนตัวและส่วนรวมให้ชัด แต่ต้องไม่ขาดจากกัน
ในบางบ้านที่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ แน่นอนว่าต้องมีพื้นที่ส่วนรวมไว้ใช้ร่วมกัน เช่น ห้องทานข้าว ห้องนั่งเล่นหรือพื้นที่นอกบ้าน ที่ทุกคนก็พร้อมมาเจอหน้ากัน ซึ่งความเป็นสัดส่วนในพื้นที่ตรงนี้อาจต้องแยกเป็น 2 ส่วนที่ทำให้เรายังเป็นส่วนตัว นั่นอาจเป็นห้องทำงาน ห้องนอน ที่ต้องปลอดการรบกวนจริงๆ แต่ห้องเหล่านี้อาจจะต้องมีพื้นที่ที่เชื่อมโยงสู่ห้องนั่งเล่น ให้เราเจอหน้าคนในครอบครัวแบบไม่ขาดหายไป การแบ่งโซนแบบนี้นิยมทำ ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มก่อนสร้างบ้านกันเลย
5. เลือกบ้านที่ปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ง่าย
วันนี้คุณต้องการอะไร ใช้ชีวิตในแบบไหน อนาคตอาจเปลี่ยนไปตามเป้าหมายในชีวิตคุณ แน่นอนว่า พื้นที่ที่ถูกฟิกซ์ตายตัวขยับขยายได้อย่างยากลำบาก จะเป็นอุปสรรคในการปรับเปลี่ยนเลย์เอาท์ค่อนข้างมาก ซึ่งการเลือกบ้านที่มีเลย์เอาท์ยืดขยายได้อย่างอิสระ จะปรับเปลี่ยนมุมไหนก็ไม่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นรื้อโครงสร้างบ้านในลักษณะนี้จึงเป็นที่นิยมกับคนเมืองในสมัยนี้ค่อนข้างมาก เพราะนิยมยึดการงานที่เติบโต ชีวิตจะเปลี่ยนไปตามการงานเสมอ เพราะฉะนั้น เลือกชีวิตที่มีคุณภาพ เท่ากับการเลือกบ้านที่เรามองไปถึงอนาคตวันข้างหน้าได้ชัดเจนคุณภาพชีวิตของเราจะดีแค่ไหน บ้านเป็นส่วนที่สอดคล้องเช่นกัน พื้นที่ในบ้านตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ภายนอกบ้านให้อิสระและผ่อนคลายได้ ทำเลและการเข้าถึงในย่านต่างๆก็ต้องง่ายตามที่เราอยากจะไปมีประสบการณ์ ปัจจัยการแบ่งสัดส่วนบ้านให้ดีที่สุด จึงต้องเริ่มจากไลฟ์สไตล์ของเรา ที่จะทำให้เห็นว่า เราเป็นคนแบบไหน บ้านเราจะไม่ต่างไปจากความเป็นเราได้เลย
